นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (16 พฤษภาคม 2566) รับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปื 2566 และแนวโน้มปี 2566 โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สาระสำคัญ ดังนี้

1.ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2566 ขยายตัว 2.7% เร่งขึ้นจากการขยายตัว 1.4% ในไตรมาสก่อนหน้า

1.1 ด้านการใช้จ่าย
การส่งออกบริการและการบริโภคอุปโภคภาคเอกชนขยายตัวในเกณฑ์สูง การลงทุนภาคเอกชนและการลงทุนของภาครัฐขยายตัวต่อเนื่อง การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวในเกณฑ์สูง 5.4% ต่อเนื่องจาก 5.6% ในไตรมาสก่อนหน้า การใช้จ่ายในหมวดบริการเพิ่มขึ้น 11.1% ตามการขยายตัวของการใช้จ่ายในกลุ่มโรงแรมและภัตตาคาร หมวดสินค้าคงทน ขยายตัว 2.4% หมวดสินค้าไม่คงทนขยายตัว 2.3% การลงทุนรวม ขยายตัว 3.1% โดยการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 2.6% และการลงทุนภาครัฐขยายตัว 4.7% เร่งขึ้นจาก 1.5% ในไตรมาสก่อนหน้าโดยเป็นการลงทุนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจขยายตัว 6.9% และ 1.8% ตามลำดับคำพูดจาก ทดลองปั่นสล็อต

1.2 ด้านการค้าระหว่างประเทศ
-การส่งออกสินค้า- มีมูลค่า 69,806 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 4.6% เทียบกับการลดลง 7.5% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง เช่น เคมีภัณฑ์และปิโตรเลียมเคมี ชิ้นส่วนอุปกรณ์ยานยนต์ อุปกรณ์ชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ยางพารา สำหรับกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์นั่ง รถกระบะและรถบรรทุก เครื่องปรับอากาศ

ขณะที่การส่งออกสินค้าไปยังตลาดหลักลดลง แต่การส่งออกไปยังตลาดตะวันออกกลาง อินเดียและสหราชอาณาจักรขยายตัว
-การนำเข้าสินค้า- มีมูลค่า 66,860 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 1.3% เทียบกับการลดลง 0.3% ในไตรมาสก่อนหน้า
-ด้านการผลิต สาขาเกษตรกรรมการป่าไม้และการประมงขยายตัว 7.2% ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส ที่ 1.3% โดยสินค้าเกษตรที่ดัชนีราคาปรับตัวลดลง เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน

อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าเกษตรสำคัญหลายรายการปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น ข้าวเปลือก มันสำปะหลังและไก่เนื้อ ส่งผลให้ดัชนีรายได้เกษตรกรโดยรวมขยายตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ที่ 6.2% สาขาที่พักโรงแรมและบริการด้านอาหาร ขยายตัวในเกณฑ์สูงต่อเนื่องที่ 34.3% โดยมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 6.478 ล้านคน มูลค่าการบริการรับด้านการท่องเที่ยวอยู่ที่ 3.04 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7 ที่ 300.4%

ส่วนรายรับจากนักท่องเที่ยวชาวไทยมีจำนวน 1.95 แสนล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาสนี้มีรายรับรวมจากการท่องเที่ยว 0.499 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 126.7% สาขาการขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8 ที่ 3.3% สาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ลดลง 3.1% ตามการลดลงของกลุ่มการผลิตเพื่อส่งออกและกลุ่มการผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศ สาขาการไฟฟ้า ก๊าซ ไอน้ำและระบบปรับอากาศ ลดลง 4.2%
-เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานอยู่ที่ 1.05% ต่ำกว่า 1.15% ในไตรมาสก่อนหน้า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 3.9% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 2.2% สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 4.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ 2.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 มีมูลค่าทั้งสิ้น 10,797,505.5 ล้านบาท คิดเป็น 61.2% ของ GDP

2.แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวในช่วง 2.7-3.7% โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจาก การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ ทั้งนี้ คาดว่า การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัว 3.7% การลงทุนภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐขยายตัว 1.9% และ 2.7% ตามลำดับ และมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 1.6% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วง 2.5-3.5% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1.4% ของจีดีพี

3.ประเด็นการบริหารเศรษฐกิจในปี 2566 การบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือของปี 2566 จะให้ความสำคัญกับ 5 ด้าน

(1) การขับเคลื่อนภาคการส่งออกสินค้า เช่น การเร่งรัดการส่งออกสินค้าไปยังตลาดที่มีแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในเกณฑ์ดีและการสร้างตลาดใหม่ ติดตามและเฝ้าระวังและประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก การใช้ประโยชน์จากกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการส่งออก เป็นต้น

(2)การส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชน เช่น การเร่งรัดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับการอนุมัติและออกบัตรส่งเสริมการลงทุนในช่วงปี 2563 – 2565 เกิดการลงทุนจริง การส่งเสริมการลงทุนเชิงรุกในกลุ่มอุตสาหกรรมและบริการเป้าหมาย การส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเป็นต้น

(3) การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่อง เช่น การแก้ไขปัญหาและสร้างความพร้อมต่อการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ การพัฒนาการท่องเที่ยวคุณภาพสูง การส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศและส่งเสริมให้คนไทยท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น เป็นต้น

(4) การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร จะให้ความสำคัญกับการเตรียมมาตรการรองรับผลผลิตสินค้าเกษตรที่จะออกสู่ตลาดในช่วงฤดูกาลเพาะปลูก 2566/2567 ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับและแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแปรปรวนของสภาพอากาศ ปัญหาต้นทุนวัตถุดิบทางการเกษตรที่ยังอยู่ในระดับสูง เป็นต้น

(5)การรักษาบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศในช่วงหลังการเลือกตั้ง

เปิด 5 ด้าน ‘แนวทางบริหารเศรษฐกิจ’ ช่วงที่เหลือของปี2566

admin