เรตเกม PEGI: 12 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป
การผจญภัยสะสมพวกพ้องของเจ้าเมือกเหลวตัวสีฟ้า ในรูปแบบเกมแอ็คชั่นอาร์พีจีที่มีระบบการเล่นเบาหวิวสบายๆเข้าถึงง่ายคล้ายปมเนื้อหาในการ์ตูน

That Time I Got Reincarnated as a Slime หรือชื่อภาษาไทย “เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว” ซีรีส์ไลท์โนเวลญี่ปุ่นแนวแฟนตาซีของอาจารย์ ฟูเซะ ที่ว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มมนุษย์เงินเดือนผู้ถูกฆ่าตายและกลับชาติมาเกิดใหม่ ณ โลกแห่งดาบและเวทมนตร์ในฐานะ สไลม์ มอนสเตอร์ระดับต่ำแต่กลับมีพลังพิเศษสามารถดูดกลืนทุกอย่างที่ขวางหน้าแล้วรับสกิลของสิ่งเหล่านั้นมาใช้ ทำให้ตนเองแข็งแกร่งอัปเกรดพลังได้แบบไม่มีขีดจำกัด อีกทั้งยังมีเหล่าผองพันธมิตรมากหน้าหลายตาที่พร้อมมาร่วมทีมปาร์ตี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆระหว่างการเดินทาง ฟังจากพล็อตเรื่องดูแล้วยังไงมันก็คือเกมอาร์พีจีดีๆชัดๆ จนสุดท้ายสิ่งที่คอการ์ตูนทุกคนต่างใฝ่ฝันก็ได้กลายเป็นจริงขึ้นมาแล้วเมื่อทาง บันไดนัมโค ตัดสินใจดัดแปลงมันสู่รูปแบบเกมอาร์พีจีที่ผู้เล่นสามารถออกแอ็คชั่นต่อยตีได้นิดหน่อย
สำหรับเรื่องราวภายในเกมจะเกริ่นนำแค่เฉพาะตอนที่ตัวละครเอกสไลม์ของเราพบเจอกับมังกรในถ้ำครั้งแรก แล้วจากนั้นภาพก็จะตัดสลับข้ามมาตอนที่ตัวเอกได้ร่างกายเนื้อของมนุษย์มาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่าเหตุการณ์ในช่วงระหว่างนั้นทั้งการเดินทางไปเยี่ยมเมืองคนแคระเพื่อหาช่างตีดาบและการพบเจอกับสาวสวยในพรหมลิขิต “ชิซุเอะ” ผู้ควบคุมเทพอสูรไฟอิฟริทจะถูกตัดทิ้งออกไปละเว้นเอาไว้ในฐานที่เราไม่เข้าใจ โดยตัวเกมในช่วงแรกจะเน้นไปที่การสอนระบบเบสิคพื้นฐานต่างๆเพื่อให้ผู้เล่นทำความเข้าใจเกี่ยวกับหมู่บ้านและการบังคับคร่าวๆ กว่าจะเริ่มก้าวเข้าสู่เนื้อหาเมนหลักเดินตามรอยอนิเมะก็ตอนที่คณะยักษาของ เจ้าชายโอเกอร์ เดินทางมาบุกรุกรานหมู่บ้านกอบลิน นั่นเอง
หากจะอธิบายเกมเพลย์ให้ทุกคนได้เห็นภาพคงต้องบอกว่าระบบการต่อสู้ของเกมนี้มันดูคล้ายคลึงกับซีรีส์เกม Tales of ในช่วงยุคเริ่มแรก ที่เป็นแนวแอ็คชั่นอาร์พีจีไซด์สโครลตะลุยดันเจี้ยนไปด้านข้างเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน ตัวเราสามารถกดหลบหลีก กดโจมตีใส่มอนสเตอร์ และเรียกใช้สกิลท่าไม้ตายได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังสามารถกดปุ่มทิศทางเพื่อเปลี่ยนสลับตัวละครที่บังคับในปาร์ตี้ได้อย่างอิสระในระหว่างการต่อสู้ รวมไปถึงมีระบบที่เหมือนกับการ Juggling ซัดศัตรูให้กระเด็นลอยขึ้นฟ้าเพื่อต่อคอมโบ แต่จะทำแบบนั้นได้เราจำเป็นต้องตีลดเกจเกราะป้องกันสีฟ้าของมอนสเตอร์ให้หายไปเสียก่อนนะ
โดยสกิลในช่วงเริ่มต้นเราอาจทำได้เพียงแค่ร่ายเวทย์น้ำแข็ง แต่เมื่อเล่นตามเนื้อเรื่องไปสักพักเราก็จะได้รับสกิลท่วงท่าใหม่ๆอย่างเช่นเวทย์ไฟหรือเวทย์อื่นๆเหมือนที่เห็นกันในอนิเมะ ส่วนความแข็งแกร่งด้านต่างๆของตัวละครเราก็สามารถเลือกอัปเกรดได้แบบเกมอาร์พีจีปกติทั่วไป แต่เนื่องด้วยเกมเวอร์ชันที่เราได้รับมารีวิวมันเป็นตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่นยากจะอ่านออก เราจึงทำได้แค่จำไอคอนสัญลักษณ์เลือกจิ้มอัปเกรดมันไปแบบมั่วๆโดยไม่รู้ว่ามันช่วยอะไรบ้าง ฉะนั้นก่อนซื้อก็อยากให้ทุกคนลองสังเกตดูดีๆว่าตัวเกมเวอร์ชันนั้นมันรองรับภาษาอังกฤษด้วยหรือเปล่า? จะได้ไม่มึนงงแบบผู้เขียน
ตัวเกมเลือกใช้วิธีการดำเนินสลับไปมาระหว่างดันเจี้ยนกับหมู่บ้านกอบลิน พูดคุยรับเควสต์จากชาวเมืองเรียบร้อย ก็ออกไปผจญภัยสำรวจป่ารอบนอกหมู่บ้าน กำราบมอนสเตอร์เป้าหมายในดันเจี้ยนสำเร็จ ก็เดินทางกลับหมู่บ้านเวียนวนเช่นนี้เรื่อยไปตลอด ซึ่งหมู่บ้านกอบลินที่เราพักผ่อนอาศัยอยู่นั้นเราสามารถบูรณะพัฒนาจากหมู่บ้านเล็กๆไม่กี่หลังคาเรือนให้เติบโตกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ได้ โดยวิธีการสร้างก็แค่เดินไปตรงบริเวณพื้นที่ว่างเปล่าหรือจุดทรุดโทรม แล้วจิ้มเลือกสิ่งปลูกสร้างที่เราต้องการมาวางใส่ทดแทนลงไป ง่ายๆเพียงเท่านี้หมู่บ้านกอบลินของเราก็แลดูเจริญทันสมัยขึ้นแล้ว แถมอาคารสิ่งปลูกสร้างใหม่ๆเหล่านี้ยังมอบบัฟพิเศษเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ทีมปาร์ตี้ของเราอีกด้วย
สำหรับตัวละครที่ใช้บังคับต่อสู้ได้ ในช่วงเริ่มแรกจะมี 3 ตัวละครหลักอย่าง ริมุรุ, รันกะ และ ก็อบตะ ส่วนพวกพ้องเผ่ายักษ์ของ เบนิมารุ นั้นจะเพิ่มเติมเข้ามาเสริมทัพในภายหลัง โดยเราสามารถบรรจุใส่ปาร์ตี้ลงดันเจี้ยนได้มากสุดแค่ 3 ตัวละคร และใส่สมุนกอบลินที่เป็นตัวละครซัพพอร์ตลงไปได้อีก 2 ซึ่งเราแอบเสียดายขัดใจอยู่หน่อยๆตรงที่ทีมพัฒนาตัดสินใจเว้นปุ่มกดทิศทางเอาไว้ตั้งสองปุ่มสำหรับกดเรียกใช้สกิลตัวละครซัพพอร์ตทั้งสองตัว แทนที่จะตั้งค่าเซตติ้งมันให้เป็นปุ่มอื่นอย่างเช่น L1 หรือ L2 จะได้มีปุ่มกดทิศทางเหลือไว้สำหรับสมาชิกอื่นๆในปาร์ตี้ เพราะการที่ส่งลงไปต่อสู้เพียงแค่ 3 ตัวละครนั้นมันดูน้อยๆเหงาๆยังไงชอบกล
เนื่องด้วยตัวเกมมีการพอร์ตลงให้กับเครื่อง Switch ฉะนั้นงานภาพกราฟิกจึงเน้นอลังการมากไม่ได้ ต้องถูกจำกัดให้อยู่ในระดับที่เครื่องคอนโซลสเปคต่ำพอรันไหว พวกตัวละคร ศัตรูมอนสเตอร์ รวมถึงบ้านเรือนต่างๆ จึงถูกนำเสนอมาเป็นโมเดลสามมิติแบบเรียบง่ายดูไม่หวือหวาอะไร ซึ่งเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้อยู่ แต่เราเองไม่คาดคิดเลยว่าระบบเกมเพลย์และแอนิเมชั่นการขยับเคลื่อนไหวของตัวละครมันจะถูกตัดงบลดสเปคตามไปกับเขาด้วย ทั้งๆที่มันเป็นเกมแนวแอ็คชั่นอาร์พีจีต่อสู้ป้อนคำสั่งแบบเรียลไทม์ ทว่ากลับเล่นแล้วไม่สมูทลื่นไหลอย่างที่ควรเป็น จะกดสลับตัวละครที่บังคับก็ต้องหยุดรอจังหวะสักพักหนึ่งถึงเปลี่ยนตัวได้ หรือร่างศัตรูที่เราโจมตีซัดกระเด็นเมื่อร่วงหล่นตกลงพื้นมันก็จะขอเวลานอนพักฟื้นอมตะชั่วครู่ เราต้องรอให้มันลุกขึ้นยืนอีกครั้งถึงจะโจมตีต่อได้อะไรแบบนี้ ทุกอย่างมันช่างดูขวางหูขวางตาขัดใจไปซะหมด คนที่เคยสัมผัสเกมแอ็คชั่นอาร์พีจีใหญ่ๆเล่นแล้วมาอาจมีหงุดหงิดอารมณ์เสียได้
“เป็นธรรมดาของค่ายเกมยักษ์ใหญ่ที่มีหลายสตูดิโอไว้ใช้งานอย่าง บันไดนัมโค การ์ตูนเรื่องไหนกระแสดังคนติดตามเยอะก็มอบหมายให้สตูดิโอชั้นนำเป็นผู้รับผิดชอบ เรื่องไหนไม่ค่อยปังก็โยนหน้าที่ไปให้นักพัฒนาสมัครเล่นเป็นคนสร้างเหมือนอย่างเกมสไลม์ตัวนี้ ที่เอาจริงๆมันก็พอเล่นฆ่าเวลาได้แหละ แต่หากเทียบกับราคาขายแล้วคุณภาพมันควรต้องดีกว่านี้มั้ยอะ?”

เกมเพลย์ 7
กราฟิก 7
เสียง 7
เนื้อหาสตอรี่          7
ความคุ้มค่า 6
ภาพรวม 6.8

ข้อดี: เอฟเฟกต์สกิลท่าไม้ตายอลังการ, มีฉากมูวี่คัตซีนงามๆให้ได้พอชื่นใจ, หลากตัวละครให้เลือกเปลี่ยนใช้งาน และสอดแทรกเนื้อเรื่องบทใหม่ที่ไม่มีในการ์ตูนข้อเสีย: กราฟิกทำมาแบบง่ายๆรายละเอียดต่ำ, แอ็คชั่นต่อสู้ทำคอมโบไม่ค่อยสมูทลื่นไหลเท่าไหร่, จัดทัพจัดทีมส่งตัวละครลงสนามได้แค่สามตัว, ศัตรูเวลาอยู่ชิดซ้ายชิดขวาริมจอภาพมองลำบาก, ลูกเล่นสร้างเมืองพัฒนาหมู่บ้านดูเรียบจืดไปหน่อย และราคาเมื่อเทียบกับคุณภาพไม่น่าสอยเอาเสียเลย Bandai Namco Entertainment
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*
 คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

Review- That Time I Got Reincarnated as a Slime ISEKAI Chronicles ลงคอนโซลทั้งทีเป็นอย่างนี้ไปซะได้!

admin